วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ว่านหางจระเข้สมุนไพรจากสวรรค์


ว่านหางจระเข้

          สมุนไพรไทย ๆ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหางแหลม ๆ ของจระเข้ จนได้ชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงลักษณะได้ดีว่า ว่านห่างจระเข้ คืออีกหนึ่งพรรณไม้ไทยที่นิยมปลูกไว้ติดบ้าน นอกจากจะใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว สรรพคุณต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้ยังคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะมีทีเด็ดขนาดไหนนั้นเราไปทำความรู้จักกับว่านหางจระเข้ให้มากขึ้นกันดีกว่า..

          ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) คือ พืชชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุก สีเขียว มีลักษณะลำต้นเป็นข้อปล้อง ใบเดี่ยว ใบหนายาวและโคนใบใหญ่ ปลายแหลม ขอบใบมีหนามห่างกันเป็นระยะ เรียงเป็นชั้น ข้างในใบเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน มีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองที่ปลายยอดได้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา สามารถปลูกได้ง่ายในดินทราย หรือในกระถางก็ได้ เป็นพืชชอบน้ำ แต่ต้องมีทางระบายน้ำได้ดี ป้องกันไม่ให้อมน้ำมากเกินไปจนรากเน่า


สรรพคุณว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้นั้น จัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย สามารถใช้บรรเทาโรคทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อีกทั้งยังใช้บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วยดังนี้
ประโยชน์ภายนอก
          1. รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยปอกเปลือกนอก นำวุ้นสดภายในใบไปล้างยางออกให้สะอาด แล้วนำไปประคบแผลตลอด  2 วันแรก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน สมานแผลให้เร็วขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอีกด้วย

          2. ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสด ๆ ของว่านหางจระเข้ผสมกับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดดจะช่วยป้องกันแสงแดดได้แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนังหลังออกแดดแล้ว ให้ใช้วุ้นที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีลองผสมกับน้ำมันพืช หรือ น้ำมันมะกอก เพื่อลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป

          3. บรรเทารอยไหม้จากการฉายรังสีของผู้ป่วย  โดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโมจะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนและทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
                 4. สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้
                 5. รักษาฝีและโรคริดสีดวงทวาร  ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้ว นำวุ้นไปแปะลงบนแผล หากเป็นทวารหนักให้ปอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่เย็นให้แข็ง เพื่อสอดเหน็บในช่องทวารหนักวันละ  1-2 ครั้ง อาการริดสีดวงจะดีขึ้น


                 6. รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต  นำเนื้อวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ไปแปะลงบริเวณที่เกิดโรค หมั่นเปลี่ยนเนื้อวุ้นบ่อย ๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งลงจะเกิดรูบุ๋มขึ้น ให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผลจะแห้งลงและอาการดีขึ้น
                7. แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้ แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้น ถือใบสดแล้วนำวุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอย ตามจุดที่ปวดจะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้
               8. บรรเทาอาการปวดฟัน  ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 เซ็นติเมตร นำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไว้ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาการปวดจะค่อยๆ บรรเทาลง

ประโยชน์ภายใน
              1. บรรเทาอาการปวดข้อ  นำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแช่ตู้เย็น และรับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น หากอยากให้รับประทานง่ายขึ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน

              2.    ใช้เป็นยาถ่าย  โดยเลือกตัดว่านหางจระเข้พันธุ์เฉพาะที่ใบใหญ่และมีน้ำยางสีเหลืองในปริมาณมาก   อายุประมาณ   9  เดือนขึ้นไป รองน้ำยางที่ไหลออกมาจากใบ  แล้วนำไปเคี่ยวให้ข้น      เทลงในพิมพ์ขนาดเล็กให้แข็งเป็นก้อนรับประทานเป็นยาได้   ซึ่งเม็ดยาจะมีสีแดงอมน้ำตาลไปจนถึงดำ  เรียกว่า  ยาดำ แบ่งรับประทานครั้งละประมาณ  0.25  กรัม (  250 มิลลิกรัม)   จะเป็นขนาดที่เหมาะสมในการใช้เป็นยาถ่าย หากต้องการรับประทานแบบสด ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการตัดวุ้นที่ล้างสะอาดแล้วออกเป็นขนาด  3-4 เซ็นติเมตร แบ่งรับประทานวันละ  3  ครั้งหลังอาหาร
              3.   แก้กระเพาะอักเสบและลำไส้อักเสบ ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้สะอาด แล้วนำมารับประทานครั้งละ  2 ช้อนโต๊ะ วันละ  2 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินอาหารได้
              4.   ป้องกันโรคเบาหวาน  ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ความยาวประมาณ  3-4 เซนติเมตร   นำไปรับประทานทุกวัน  หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้      เพื่อรับประทานก็ได้   โดยอาการเบาหวานจะทุเลาลง   สำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกัน         สามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยลงได้
              5.    แก้และป้องกันอาการเมารถเมาเรือ   ท่านที่มีปัญหาในการเดินทาง เกิดอาการเมารถเมาเรืออยู่เป็นประจำ    ให้ลองรับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้   หรือน้ำว่านหางจระเข้    ก่อนออกเดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลงได้ แต่หากเกิดอาการเมารถเมาเรือขึ้นแล้ว ลองทานน้ำว่านหางจระเข้เย็น ๆ ให้ชื่นใจ แล้วนั่งพักสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น


ประโยชน์ด้านความงาม
          1.   บำรุงเส้นผมให้เงางามและช่วยขจัดรังแค  ตัดใบสดมาทาลงบนเส้นผม หรือถ้าไม่สะดวกให้นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปปั่นให้ละเอียดจะได้ใช้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาชโลมผมให้ทั่วเพื่อให้ผมสลวยเงางาม หากนวดบริเวณรากผมจะช่วยให้รากผมเย็นลง ช่วยบำรุงหนังศีรษะ รักษาแผลบนศีรษะ และขจัดรังแคได้ด้วย

          2.  รักษาสิวและรอยด่างดำ  ประโยชน์ข้อนี้คนที่อยากหน้าใสตั้งใจอ่านให้ดี เพราะว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นำเนื้อวุ้นที่ล้างสะอาดทาบริเวณใบหน้าวันละ  2 ครั้ง ใช้เวลาสัก  1-2 เดือน จะเริ่มเห็นผลว่ารอยต่าง ๆ ดูจางลง

          3.   บำรุงผิวกาย เพียงแค่นำว่านหางจระเข้สด มาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด  จากนั้นหั่นเป็นชิ้นนำไปใส่ไว้ในถุงผ้ากอซขนาดเล็ก แล้วนำไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ  หรือถ้าไม่มีถุงผ้ากอซ  ให้นำวุ้นไปแช่ไว้ในอ่างอาบน้ำเลยก็ได้เหมือนกัน  โดยระหว่างอาบน้ำให้ใช้เนื้อวุ้นถูกตามส่วนต่าง  ๆ ของร่างกาย เน้นที่รอยแห้งกร้านอย่างข้อศอก  หัวเข่า  ส้นเท้า  เป็นต้น  จะช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม และเต่งตึงขึ้น
          4.   เติมน้ำให้ผิว  ความชุ่มชื้นในผิวหน้าและผิวกาย  มักจะค่อย ๆ ลดลงตามวัย  และไลฟ์สไตล์ของคุณ    ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตกันอยู่ในห้องแอร์จนผิวขาดความชุ่มชื้น  หากนำเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้มาพอกหน้าก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิวของคุณได้ โดยล้างวุ้นให้สะอาด แล้วฝานบาง ๆ มาโปะให้ทั่วหน้า หลับตาพริ้มรอสัก  15 นาที ก็ไปล้างหน้าให้สะอาดได้ ผิวของคุณจะรู้สึกชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น หากจะใช้กับผิวกายให้ลองนำเนื้อไปปั่นหยาบ ๆ แล้วนำมาพอกตัว ก็ใช้ง่ายดีเหมือนกัน
ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้
          เมื่อสรรพคุณของว่านหางจระเข้มีอยู่มากมายรอบด้านขนาดนี้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากว่านหางจระเข้ก็ย่อมต้องทยอยออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปจากว่านหางจระเข้อยู่หลากหลาย ดังนี้
          1.  เจลว่านหางจระเข้ สรรพคุณ ใช้ทาเพื่อลดอาการบวม เป็นครีมทาใต้ตา บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ พอกหน้าแทนวุ้นว่านหางจระเข้ได้ ทั้งยังใช้ทาแผลพุพอง แผลสด เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการยิงเลเซอร์ และมีรอยไหม้แดงบนใบหน้า จะทำให้บรรทาอาการลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น

          
วัสดุ- อุปกรณ์และสารเคมี
          1.   กะละมัง   3   ใบ
           2.    มีด  2   เล่ม
           3.   ขวดใส่ผลิตภัณฑ์    6   ขวด
           4.    ช้อน   5  คัน
            5.    ถ้วยตวง   3   ถ้วย
            6.   ผ้าขาวบาง   2  ผืน
            7.   ผลมะนาว    8   ลูก
            8.    ว่านหางจระเข้   10- 15  ก้าน
            9.   แอลกอฮอล์   1   ขวด

วิธีการทำเจลล้างมือว่านหางจระเข้ 
                      
1.  นำว่านหางจระเข้   ล้างทำความสะอาดภายนอก  ปลอกเปลือกแล้ว
หั่นเป็นชิ้นเล็ก     



 2.  นำเนื้อว่านหางจระเข้ไปล้างน้ำอุ่น  เพื่อล้างยางออก

3.  นำไปปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด 

4.  นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง   บีบคั้น ให้น้ำเจลออกมาใน          ปริมาณ    1:2  ของแอลกอฮอล์          ประมาณ  2:1   ของว่านหางจระเข้   
  
5.    นำน้ำที่ได้มากรองใส่แอลกอฮอล์   ประมาณ  2:1    ของว่านหางจระเข้
  
6.   ใส่มะนาวลงในน้ำเพื่อดับกลิ่นของว่านหางจระเข้                                         




7.    คนให้เข้ากันแล้วเทใส่ขวดผลิตภัณฑ์ที่เตรียมไว้     
                                                



รู้จักสรรพคุณและสูตรต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้กันแล้ว คงต้องเตรียมหาว่านสารพัดประโยชน์ชนิดนี้มาปลูกไว้คู่บ้านกันบ้างแล้วล่ะ รับรองได้ว่าคุ้มเกินคุ้มจริง ๆ จ้า
เว็บไซด์   http://th.wikipedia.org/wiki

แนนนำGoogle Sketch Up


                 วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโปรแกรม Google
Sketch Up ท่านคุณครูและนักเรียน รวมถึงบุคคลทั่วไปที่กำลังมองหาโปรแกรมที่ช่วยในการสร้าง Model สักโปรแกรม เชื่อว่าโปรแกรม Google Sketch Up มีประโยชน์และประสิทธิภาพ เพียงพอที่จะสร้าง Model หรือชิ้นงานแบบง่ายๆในสไตล์ของคุณ

          Google Sketch Up เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างแบบจำลอง 3D (Three - Dimensional) ที่มีความง่ายต่อการใช้งาน และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ในงานออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม งานออกแบบภายในและภายนอก การออกแบบกลไกลการทำงานของเครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ ภูมิประเทศ ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงงานออกแบบฉาก อาคาร และสิ่งก่อสร้างในเกม หรือจะเป็นกมรจัดฉากทำ Story Boards ในงานภาพยนต์หรือละครโทรทัศน์ก็สามารถทำได้
          นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับปลั๊กอิน (Plugin) ต่างๆที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Google Sketch Up ให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพลั๊กอินที่ช่วยให้การสร้างรูปทรงต่างๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้น ไปจนถึงปลั๊กอินที่ช่วยในการจัดแสงเงาให้ดูสมจริงอย่างเช่น V-Ray หรือ Podium
           


          ความต้องการพื้นฐานของระบบ
           
          Google SketchUp เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถสูง แต่กลับมีความต้องการของระบบต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม ในการทำงานกับโมเดลที่มีความซับซ้อนมากๆ เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีความเร็วพอสมควร เพื่อให้การแสดงผลและการทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหล โดยทาง Google ได้กำหนดความต้องการพื้นฐานของระบบ

ที่มา  http://th.wikipedia.org/wiki

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประวัติโรงเรียนลำปางกัลยาณี

             โรงเรียนลำปางกัลยาณี เริ่มก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2458 โดย พล.ต.ต.เจ้าราชวงศ์ (แก้ว ภาพเมรุ ณ ลำปาง) เป็นผู้อุทิศที่ดินให้ 1 ไร่เศษ ทางฝั่งขวาของแม่น้ำวัง ถนนปงสนุก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ต่อมาพ่อเลี้ยงหม่องหง่วยสิ่น สุวรรณอัตถ์ ได้ก่อสร้างอาคารเรียนให้ 1 หลัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว มี 3 ห้องเรียน แต่ไม่มีครูสอน โรงเรียนจึงถูกทอดทิ้งไว้ให้ร้างอยู่ถึง 2 ปีต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2460
คุณครูแคลระ รัตนศาสตร์สมบูรณ์ ได้มาเที่ยวที่จังหวัดลำปาง พระยาสุเรนทร์ ราชเสนีย์ เจ้าเมืองลำปางได้ขอร้องให้คุณครูแคลระ ทำการเปิดสอนด้วยความอนุเคราะห์ของโรงเรียนรัฐบาลหญิงแห่งแรกของจังหวัดลำปางจึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม พ.ศ. 2460 จัดสอนแบบสหศึกษา มีนักเรียนชาย 57คน นักเรียนหญิง 3 คน มีครูเพียงคนเดียว การสอนต้องใช้วิธีจัดให้เด็กโตช่วยสอนเด็กเล็ก ด้วยความวิริยะอุตสาหะ ด้วยความตั้งใจจริงของคุณครูแคลระ รัตนศาสตร์สมบูรณ์ ท่านได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังทรัพย์ทำงานพัฒนาโรงเรียนแต่ลำพังผู้เดียวเป็นเวลาถึง 5 ปี โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย
 ในปี พ.ศ. 2465 จึงได้ครูที่สำเร็จจากจังหวัดพระนครมา ช่วยสอนและแบ่งเบาภาระจากท่านไปบ้าง นับได้ว่าท่านเป็นปูชนียบุคคลที่ควรแก่การยกย่อง พ.ศ. 2478 มีนักเรียนเพิ่มขึ้นถึง 300 คน และเปิดขยายชั้นเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทำให้เกิดปัญหา ในเรื่องสถานที่ คับแคบมาก สนามและที่พักผ่อนไม่พอกับจำนวนนักเรียน คุณครูแคลระ รัตนศาสตร์สมบูรณ์ จึงได้จัดซื้อที่ดินจำนวน 16 ไร่ 20 ตารางวา ที่ถนนพหลโยธิน อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง (สถานที่โรงเรียนลำปางกัลยาณีในปัจจุบัน) ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวของท่านเป็นจำนวนเงิน 600 บาท ปัจจุบันมีเนื้อที่ 23 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา
                โรงเรียนได้พัฒนามาตามลำดับได้รับคัดเลือกให้เข้าโครงการต่างๆ คือ โครงการ คมช. รุ่นที่ 1 ปี พ.ศ. 2506-2511 และได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในโครงการ คมภ. 2 รุ่นแรก ระหว่างปี พ.ศ. 2517-2521 โรงเรียนผู้นำการใช้หลักสูตร (พ.ศ. 2521-2532) โรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตร (พ.ศ. 2533) ซึ่งโรงเรียนลำปางกัลยาณี ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ
                ผู้อำนวยการ (อาจารย์คุณหญิงวลัย ลีลานุช) ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นชั้นพิเศษโรงเรียนแรกของภาคเหนือและผู้บริหารลำดับต่อมา ได้แก่ ผู้อำนวยการบุญรัตน์ โรจนศักดิ์ ผู้อำนวยการบุญนาค เดี่ยววิไล และผู้อำนวยการวีรยุทธ จงสถาพรพงศ์ ได้พัฒนาโรงเรียนในทุก ๆ ด้าน ให้ทันสมัยและก้าวขึ้นสู่มาตรฐานสากลจนเป็นที่ยอมรับของบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนเป็นที่ชื่นชมของผู้ปกครอง และองค์กรต่าง ๆ เสมอมา จนกระทั่งในปีการศึกษา 2544 โรงเรียนได้รับคัดเลือกเป็นโรงเรียนแกนนำ การใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 และในปีการศึกษา 2545 ผู้อำนวยการบริบูรณ์ สุทธสุภา มาเป็นผู้บริหารได้เปิดแผนการเรียนภาษาญี่ปุ่นในระดับชั้น ม.4 ในปีการศึกษา 2545 พร้อมกับเปิดวิชาเลือกภาษาจีนไปพร้อม ๆ กัน และเปิดแผนการเรียนภาษาจีนในระดับชั้น ม.4 ในปีการศึกษา 2546
                ปีการศึกษา 2547 ผู้อำนวยการจุรีย์ สร้อยเพชร ได้มาเป็นผู้บริหาร ซึ่งโรงเรียนได้รับความร่วมมือจากบุคลากรในโรงเรียน
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี โรงเรียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาลำปางเขต 1 
โรงเรียนได้รับคัดเลือกให้จัดตั้งห้องเรียนขงจื่อ สำหรับการเรียนการสอนภาษาจีน เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2551 และในปีการศึกษา 2552 เปิดสอนห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ – ภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ ในระดับชั้น ม.1 จำนวน 1 ห้อง 30 คน พร้อมกันนี้ได้รับคัดเลือกจาก สพฐ.ให้เปิดห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ระดับชั้น ม.4 ในปีการศึกษา 2553 
(จากทั้งหมด 107 โรงเรียนทั่วประเทศที่เปิดเพิ่ม) และเข้าร่วมโครงการโรงเรียนเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนพัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานสากล ขณะเดียวกัน ในปีงบประมาณ 2553 ได้รับงบประมาณ 1,200,000 บาท สำหรับจัดสร้างห้อง Resouce Center ตามโครงการไทยเข้มแข็งและได้รับงบประมาณสนับสนุนจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดสร้างศูนย์ห้องเรียนขงจื่อพร้อมอุปกรณ์สำนักงานและสื่อการเรียนต่าง ๆ จำนวน 1 ห้อง และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2553
                ในปีการศึกษา 2554 โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองในการระดมทุนเพื่อจัดซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ทดแทนของเดิมจำนวน 500 ชุด เพื่อใช้ในการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ และเรียนคณิตศาสตร์จากโปรแกรม และเป็นปีการศึกษาแรกที่เปิดวิชาเลือกภาษาเกาหลี โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเกาหลีในการส่งครูมาช่วยสอน และเมื่อ 4 ตุลาคม 2555 ผู้อำนวยการธรณินทร์ เมฆศิริ ได้มารับตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งได้นำยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติผ่านงาน/โครงการ ของโรงเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามนโยบายหลัก 3 ประการ คือ 1. การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 2. การมีส่วนร่วม 3. การให้โอกาสทางการศึกษา ภายใต้แผนพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อ ความเป็นเลิศแบบคู่ขนานประชาคมอาเซียน โดยมีเป้าหมายคือ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

               ในปีการศึกษา 2555 โรงเรียนได้พัฒนาหลักสูตรการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดผลการประเมินผลการนิเทศและการวิจัยเทียบเคียง
มาตรฐานสากลเพื่อให้นักเรียนได้เรียนกับครูเจ้าของภาษาตามความต้องการของผู้ปกครองและนักเรียน มีการพัฒนาเนื้อหาและหลักสูตรและการจัดทำข้อตกลงในความร่วมมือพัฒนาการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ที่ 2กับสถาบันการศึกษาในประเทศเจ้าของภาษา คือ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลีจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้หลักการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการดำเนินกิจกรรม To Be Number One มีการจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเรียนร่วม(บกพร่องทางการมองเห็น) โรงเรียนมีการพัฒนาห้องเรียนในด้าน ICTเพิ่มเติมโดยการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยสอนต่างๆเช่นโปรเจคเตอร์เครื่องเสียงและเครื่องฉายทึบแสงตามห้องเรียนในอาคารต่างๆในทุกสาระวิชาและโรงเรียนให้ความสำคัญในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกความปลอดภัยในสถานศึกษาและการส่งเสริมการมีสุขภาพดีอย่างเป็นรูปธรรมทั้งอาคารสถานที่ห้องเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯลฯโรงเรียนมีโครงการพัฒนาผู้บริหารครูบุคลากรสู่ความเป็นมืออาชีพในระดับสากลอย่างต่อเนื่องและได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน
เเหล่งที่มา  http://search.hao123.co.th/s?wd
                   http://www.lks.ac.th/thai/main_info/history.html

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

My Profile


ชือ-สกุล  ด.ญ.วรดา อินทิยศ   ชื่อเล่น เบนซ์ อายุ 12 ปี
เกิดวันที่ 2 มกราคม  2545
กำลังศึกษาอยู่ชั้นม.1/1  เลขที่ 36 
โรงเรียนลำปางกัลยาณี
มาจาก โรงเรียนไตรภพวิทยา  อ.เมือง จ.ลำปาง